เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗ นายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี พร้อมด้วยนาย José Honório da Costa Pereira Jerónimo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ติมอร์ฯ และ ดร. Domingas Bernando ผู้แทนกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ติมอร์ฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “Strengthening Midwifery Education” โดยมีเอกอัครราชทูต อุปทูต และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียนประจำติมอร์ฯ เข้าร่วม ณ ห้อง Maubara โรงแรม Timor Plaza

การอบรมเชิงปฏิบัติการฯ เป็นความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตฯ และ UNFPA ติมอร์-เลสเต โดยนำวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้แก่ ผศ. ดร.สมจิตร เมืองปิน ผศ. ดร. นิลุบล รุจิรประเสริฐ และ ผศ. ดร.นิตยา ปานงาม มาจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดหลักสูตรการศึกษาวิชาผดุงครรภ์ให้แก่อาจารย์จาก ๓ สถาบันของติมอร์ฯ ได้แก่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติติมอร์ฯ Instituto Ciência da Saúde (ICS) และ Instituto Superior Cristal (ISC) ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน - ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมรวมประมาณ ๓๐ คน   

โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ย้ำว่าการส่งเสริมอนามัยแม่และเด็กและการผดุงภรรค์เป็นหัวข้อหลักของความร่วมมือไทย -ติมอร์ฯ ในปีนี้ โดยการอบรมเชิงปฏิบัติการฯ เป็นหนึ่งในข้อริเริ่มที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ต้องการผลักดันให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านผดุงครรภ์และลดการเสียชีวิตของมารดาและทารกในติมอร์ฯ นอกเหนือจากการปรับปรุงศูนย์อนามัยแม่และเด็กประจำชุมชนสำหรับการคลอดบุตรและผดุงครรภ์ ณ เมือง Quelicai และ Baguia จังหวัด Baucau และโครงการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลเรื่องการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ในติมอร์ฯ การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ยังถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และเสริมสร้างขีดความสามารถของติมอร์ฯ ในการเตรียมการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ติมอร์ฯ กล่าวขอบคุณข้อริเริ่มของไทย โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะกระชับความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาผดุงครรภ์ รวมทั้งการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุดมศึกษาของทั้งสองประเทศ ในขณะที่ผู้แทน UNFPA ติมอร์-เลสเต ย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากหุ้นส่วนความร่วมมือเพื่อพัฒนา ซึ่งสถาบันการศึกษาด้านผดุงครรภ์ทั้งสามแห่งสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ