วันที่นำเข้าข้อมูล 19 มิ.ย. 2558
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ระหว่างเวลา 15.00 – 17.00 น. นางสาวบุษกร พฤกษพงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี ได้เชิญชุมชนไทยในติมอร์ฯ พบปะสังสรรค์และร่วมประชุมหารือกัน โดยร้านอาหารไทย นวดไทย และชุมชนไทย ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประมาณ 10 คน
ในช่วงแรก เอกอัครราชทูตฯ มอบหมายให้ น.ส. ชลทิพา วิญญุนาวรรณ เลขานุการเอก และเจ้าหน้าที่กงสุล แจ้งประชาสัมพันธ์เรื่องโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล โดย น.ส. ชลทิพาฯ ได้แจ้งรายละเอียดโครงการฯ และเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันเขียน “ปณิธานความดี” มาประดับไว้ที่ “ต้นไม้ความดี” ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี จัดทำขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์
นอกจากนี้ ยังมีการซักซ้อมความเข้าใจเรื่องแผนอพยพคนไทยในติมอร์ฯ กรณีภาวะปกติและเกิดภัยวิกฤติ การแจ้งที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ทราบอยู่เสมอ การเตรียมเอกสารการเดินทาง หรือหนังสือเดินทางให้พร้อมสำหรับเดินทางอยู่เสมอ การหมั่นสดับตรับฟังข้อมูลข่าวสารของทางการ และการติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ
ปัจจุบัน มีชุมชนไทยในติมอร์ฯ มีประมาณ 35 คน มักติดต่อและไปมาหาสู่กันเป็นประจำอยู่แล้ว มีการตั้งกลุ่มไลน์ “คนไทยในติมอร์ฯ” ขึ้น เพื่อใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารในหมู่คนไทยในติมอร์ฯ เพื่อความสะดวกรวดเร็วอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการโทรศัพท์และส่งข้อความทางมือถือที่ใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว ตลอดจนตั้งหมายเลขโทรศัพท์ Hotline ในติมอร์ฯ ที่เปิด 24 ชั่วโมง หรือหมายเลขฉุกเฉิน เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายการจัดตั้ง “ศูนย์ดำรงธรรมในต่างประเทศ” ของนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2557
ช่วงสุดท้าย เอกอัครราชทูตฯ ได้เชิญชุมชนไทยเยือนทำเนียบเพื่อร่วมสังสรรค์และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน และกล่าวขอบคุณชุมชนไทยที่ให้ความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ด้วยดีมาโดยตลอด และยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นเครือข่ายเสริมการทำงานของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีงามของประเทศไทย
รูปภาพประกอบ
Mon-Fri (Except public holidays)
สำหรับคนไทยขอความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
(670) 7798 5946 / 7812 5258 [only for Thai national in emergency case]